บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย (EAED3208)
อาจารย์ผู้สอน ว่าที่ร้อยตรีกฤตธ์ตฤณน์
ตุ๊หมาด
ครั้งที่ 3,4 วันที่ 21,22 มกราคม 2558
เวลาเรียน 08:30-10:10 น. เวลาเข้าเรียน 08.30 น. เวลาเลิกเรียน 10.10 น.
สิ่งที่ได้เรียนวันนี้
อาจารย์ได้แจกกระดาษให้คนละ1แผ่น โดยมีกติกาให้วาดมือของตัวเราเองแบบสร้างสรรค์ จะเน้นมือที่ซับซ้อนกันให้มากที่สุด เพื่อมองดูแล้วจะเป็นภาพ3มิติ และให้ระบายสีอย่างที่ต้องการ ยกเว้นบริเวณที่เป็นทับซ้อนกันหรือช่องๆ ให้ระบายเป็นสีอื่น เพื่อจะได้มองเห็นชัดเจนขึ้น โดยให้เวลาในการทำงานชิ้นนี้เป็นเวลา1ชั่วโมง เมื่อใครทำเสร็จอาจารย์ก็ให้คนที่เสร็จเอาผลงานไปแปะติดบนกระดานจนครบทุกคน
ภาพดังนี้
เมื่อทุกคนติดผลงานเสร็จแล้ว
อาจารย์ก็ให้ดูผลงานของตัวเองและของเพื่อนในห้อง
เมื่อดูเสร็จก็ให้ออกไปแกะผลงานของตัวเองที่หน้ากระดานออก แล้วไปติดใหม่ที่บอร์ดข้างกระดานดำ
เพื่อเวลาไปสอนเด็กจะได้เอาผลงานเด็กไปติดบอร์ดหรือทำเป็นหน่วยหรือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อีกด้วย
ภาพดังนี้
ศิลปะ แต่เดิมหมายถึง
งานช่างฝีมือ เป็นงานที่มนุษย์ใช้สติปัญญาสร้างสรรค์ขึ้นด้วย ความประณีต วิจิตรบรรจง ฉะนั้น
งานศิลปะจึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็น ผลงานที่มนุษย์ใช้ปัญญา ความศรัทธา
และความพากเพียรพยายามสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่
-ความงาม (ทางกาย,ทางใจ)
-รูปทรง
-การแสดงออก
"ศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์
เพื่อให้เกิดความงาม และความพึงพอใจ“
ปรัชญาศิลปศึกษา
-มุ่งสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์
-เป็นเครื่องมือในการแสดงออก
และใช้ความคิดสร้างสรรค์
-ให้ความสำคัญกับ กระบวนการสร้างสรรค์งาน
-เน้นความไวในการรับรู้ด้านอารมณ์
ความคิดจากสิ่งที่มองเห็น
-ความรู้สึกที่มีอยู่เบื้องหลังผลงาน
-สนับสนุนให้เรียนรู้ ด้วยการค้นคว้า
ทดลองสิ่งใหม่ๆ
-นำไปใช้พัฒนาชีวิตด้านอื่นๆได้
ความสำคัญของศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
ตอบสนองความต้องการของเด็กปฐมวัย
- เด็กชอบวาดรูป ขีดๆเขียนๆ
- เด็กมีความคิด จินตนาการ
- เด็กใช้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด
ที่บางครั้งไม่สามารถ พูด อธิบายได้
- เด็กต้องการการสนับสนุนจากผู้ใหญ่
- เด็กต้องการกำลังใจ การสร้างความเชื่อมั่น
และความภาคภูมิใจ
ความสำคัญของการจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
เป็นพื้นฐานทางการศึกษาที่สำคัญสำหรับเด็กปฐมวัย
- ร่างกาย
อารมณ์-จิตใจ สังคม สติปัญญา
ช่วยจัดสรรประสบการณ์ที่มีผลต่อการเรียนรู้ให้กว้างมากขึ้น
- กระบวนการทางศิลปะจะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตนเองและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามวัย
ช่วยพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล
ช่วยเสริมสร้าง / กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
นักจิตวิทยาชาวอเมริกันศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์
ตัวประกอบของสติปัญญา
- เน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์
- ความมีเหตุผล
- การแก้ปัญหา
กิลฟอร์ด อธิบายความสามารถของสมองออกเป็น 3 มิติ คือ
มิติที่ 1 เนื้อหา
มิติเกี่ยวกับ ข้อมูล หรือ
สิ่งเร้าที่เป็นสื่อในการคิดสมอง รับข้อมูลเข้าไปคิดพิจารณา 4 ลักษณะ
- ภาพ
- สัญลักษณ์
- ภาษา
- พฤติกรรม
มิติที่ 2 วิธีการคิด
มิติที่แสดงลักษณะการทำงานของสมองใน 5 ลักษณะ
- การรู้จัก การเข้าใจ
- การจำ
- การคิดแบบอเนกนัย (คิดได้หลายรูปแบบ หลากหลาย)
- การคิดแบบเอกนัย (ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด)
- การประเมินค่า
มิติที่ 3 ผลของการคิด มิติที่แสดงถึงผลที่ได้จากการทำงานของสมอง จากมิติที่ 1 + มิติที่ 2
มี
6 ลักษณะ
-
หน่วย
-
จำพวก
-
ความสัมพันธ์
-
ระบบ
-
การแปลงรูป
-
การประยุกต์
สรุป
- เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างทางสติปัญญา
- ทำให้ทราบความสามารถของสมองที่แตกต่างกันถึง
120 ความสามารถตามแบบจำลองโครงสร้างทางสติปัญญาในลักษณะ
3 มิติ คือ มีเนื้อหา 4 มิติ
วิธีการคิด 5 มิติ และผลทางการคิด 6
มิติ รวมความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ด้วย คือ วิธีการคิดอเนกนัย เป็นการคิดหลายทิศทาง หลายแง่หลายมุม คิดได้กว้างไกล ซึ่งลักษณะความคิดนี้จะนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกใหม่
ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ (Torrance)
นักจิตวิทยาและนักการศึกษาผู้มีชื่อเสียง ชาวอเมริกัน เสนอแนวคิดเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ว่า
ประกอบด้วย
- ความคล่องแคล่วในการคิด
- ความยืดหยุ่นในการคิด
- ความริเริ่มในการคิด
แบ่งลำดับขั้นการคิดสร้างสรรค์ เป็น 5 ขั้น
- ขั้นการค้นพบความจริง เป็นขั้นเริ่มต้น ค้นหาสาเหตุ
-ขั้นการค้นพบปัญหา เป็นขั้นที่สามารถคิดได้ และเกิดความเข้าใจแล้วว่า
ปัญหาคืออะไร
- ขั้นการตั้งสมมุติฐาน เมื่อรู้ปัญหาว่าคืออะไรจากขั้นที่
1 และ ขั้นที่ 2 แล้วก็พยายามคิดแก้ปัญหา หาทางออกโดยการตั้งสมมุติฐาน
- ขั้นการค้นพบคำตอบ เป็นการค้นพบคำตอบจากการตั้งสมมุติฐานด้วยวิธีการต่างๆอย่างหลากหลาย
- ขั้นยอมรับผลจากการค้นพบ ค้นพบว่าสมมุติฐานที่ทดสอบไปในขั้นที่
4 นั้น ได้ผลเป็นอย่างไรสรุปว่าสมมุติฐานใดคือการแก้ปัญหา หรือทางออกที่ดีที่สุด
สรุป
ทอร์แรนซ์ กล่าวว่า
ความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา หรือสิ่งที่ขาดหายไป แล้วเกิดความพยายามในการสร้างแนวคิด ตั้งสมมุติฐาน
ทดสอบสมมุติฐาน
และเผยแพร่ผลที่ได้ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ ทำให้เกิดแนวทางในในการค้นคว้าสิ่งแปลกๆใหม่ๆต่อไปขั้นความคิดสร้างสรรค์นี้
มีลักษณะคล้ายคลึงกับขั้นการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ทอร์แรนซ์จึงเรียกขั้นการคิดสร้างสรรค์นี้ว่า
กระบวนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ
-เป็นทฤษฎีที่กำลังได้รับความสนใจ
เพราะเป็นการค้นพบความรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์
-การทำงานของสมองสองซีก ทำงานแตกต่างกัน
สมองซีกซ้าย ทำงานส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล ส่วนสมองซีกซ้ายที่เป็นส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล
จะพัฒนาในช่วง 9-12 ปี
และสมองจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อเด็กอายุ
11-13 ปี
สมองซีกขวา ทำงานส่วนจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ คือ...สมองซีกขวา ซึ่งเป็นส่วนของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
สามารถพัฒนาได้มากในช่วงวัย 4-7 ปี
ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาการศึกษา ชาวอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายของสติปัญญาผู้คิดค้นทฤษฎีพหุปัญญา
( ศักยภาพและความสามารถที่หลากหลายของมนุษย์ )
ทฤษฎีพหุปัญญา
จำแนกความสามารถหรือสติปัญญาของคนเอาไว้ 9 ด้าน ได้แก่
- ความสามารถด้านภาษา เรียนรู้และเข้าใจคำพูดต่างๆได้เร็วเกินวัย
- ความสามารถด้านตรรกวิทยาแลคณิตศาสตร์ มีความถนัดเรื่องคณิตศาสตร์
เข้าใจเรื่องตัวเลขได้เร็ว
- ความสามารถด้านดนตรี ถนัดและเก่งดนตรี
ชอบฟังเพลง ร้องเพลง
และจำเนื้อเพลงได้เร็ว
- ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ มีความสามารถในการเห็นภาพรวม
- ความสามารถด้านกีฬาและการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย มีพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง ชอบการวิ่งเล่น ออกกำลังกาย เต้นรำ
- ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์ ชอบบริการผู้อื่น ช่างเอาอกเอาใจ ชอบช่วยเหลือเพื่อน
-
ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์ ชอบเรียนรู้
ค้นคว้า วิจัย สามารถเขียนบันทึกประจำวันได้ดี
- ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา ชอบเรียนรู้ธรรมชาติ
/ สิ่งแวดล้อมรอบๆตัว
- ความสามารถในการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา คิดไว มีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาต่างๆได้ดี
ลักษณะสำคัญของทฤษฎีพหุปัญญา
-ปัญญา มีลักษณะเฉพาะด้าน
-ทุกคนมีปัญญาแต่ละด้าน ทั้ง 9 ด้านมากน้อยแตกต่างกัน
-ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นได้
-ปัญญาต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้
-ในปัญญาแต่ละด้าน ก็มีความสามรถหลายอย่าง
ทฤษฎีโอตา (AUTA)
เดวิส (Davis) และซัลลิแวน
(Sullivan) ความคิดสร้างสรรค์นั้นมีอยู่ในมนุษย์ทุกคนและสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้
การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ตามรูปแบบโอตา มีลำดับการพัฒนา 4ขั้นตอน
ได้แก่ การตระหนัก ความเข้าใจ เทคนิควิธี และการตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ
ขั้นตอนที่ 1 การตระหนัก ต้องตระหนักถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ที่มีต่อตนเอง
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น
- การพัฒนาปรีชาญาณ
- การรู้จักและเข้าใจตนเอง
- การมีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์
- การมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ขั้นตอนที่ 2 ความเข้าใจ มีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องต่างๆ
-
ความรู้และเนื้อหาเรื่องบุคลิกภาพของบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์
- ลักษณะกระบวนการความคิดสร้างสรรค์
-ทฤษฏีความคิดสร้างสรรค์
- เทคนิค วิธีการฝึกความคิดสร้างสรรค์
ขั้นตอนที่ 3 เทคนิควิธี การรู้เทคนิควิธีในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทั้งที่เป็นเทคนิคส่วนบุคคลและเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน
- เทคนิควิธีการในการฝึกความคิดสร้างสรรค์
- การระดมสมอง
- การคิดเชิงเปรียบเทียบ
- การฝึกจินตนาการ
ขั้นตอนที่ 4
การตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ การรู้จักหรือตระหนักในตนเอง
พอใจในตนเอง สามารถดึงศักยภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง
- เปิดกว้างรับประสบการณ์ต่างๆ
โดยปรับตัวอย่างเหมาะสม
- มีความคิดริเริ่มและผลิตผลงานด้วยตนเอง
- สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม
พัฒนาการทางศิลปะ
วงจรของการขีดๆเขียนๆ
เคลล็อก (Kellogg) ศึกษางานขีดๆเขียนๆของเด็กปฐมวัย
และจำแนกขั้นตอนออกเป็น 4 ขั้นตอน
ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของงานขีดๆเขียนๆทางศิลปะที่มีผลเชื่อมโยงกับพัฒนาการของเด็ก
4 ขั้นตอน มีดังนี้
ขั้นขีดเขี่ย
ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง
ขั้นรู้จักออกแบบ และขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ
ขั้นที่ 1 ขั้นขีดเขี่ย (placement
stage)
-เด็กวัย 2 ขวบ
-ขีดๆเขียนๆตามธรรมชาติ
-ขีดเขี่ยเป็นเส้นตรงบ้าง โค้งบ้าง
-ขีดโดยปราศจากการควบคุม
ขั้นที่ 2 ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง (shape
stage)
-เด็กวัย 3 ขวบ
-การขีดๆเขียนๆเริ่มเป็นรูปร่างขึ้น
-เขียนวงกลมได้
-ควบคุมมือกับตาให้สัมพันธ์กันมากขึ้น
ขั้นที่ 3 ขั้นรู้จักออกแบบ (design
stage)
-เด็กวัย 4 ขวบ
-ขีดๆเขียนๆที่เป็นรูปร่างเข้าด้วยกัน
-วาดโครงสร้างหรือเค้าโครงได้
-วาดสี่เหลี่ยมได้
ขั้นที่ 4 ขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ (pictorial stage)
-เด็กวัย 5 ขวบขึ้นไป
-เริ่มแยกแยะวัตถุที่เหมือนกับมาตรฐานของผู้ใหญ่ได้
-รับรู้ความเป็นจริง เขียนภาพแสดงถึงภาพคน/
สัตว์ได้
-ควบคุมการขีดเขียนได้ดี
-วาดสามเหลี่ยมได้
พัฒนาการด้านร่างกาย
กีเซลล์และคอร์บิน
สรุปพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัย
ตามลักษณะพฤติกรรมทางการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ดังนี้
ด้านการตัด
- อายุ 3-4 ปี ตัดกระดาษเป็นชิ้นส่วนได้
- อายุ 4-5 ปี ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
- อายุ 5-6 ปี ตัดกระดาษตามเส้นโค้งหรือรูปร่างต่างๆได้
การขีดเขียน
- อายุ 3-4 ปี เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
- อายุ 4-5 ปี เขียนรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสตามแบบได้
- อายุ 5-6 ปี เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
การพับ
- อายุ 3-4 ปี พับและรีดสันกระดาษสองทบตามแบบได้
- อายุ 4-5 ปี พับและรีดสันกระดาษสามทบตามแบบได้
- อายุ 5-6 ปี พับและรีดสันกระดาษได้คล่องแคล่ว หลายแบบ
การวาด
- อายุ 3-4 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ขา ปาก
- อายุ 4-5 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก จมูก ปาก ลำตัว เท้า
- อายุ 5-6 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก ลำตัว เท้า จมูก
แขน มือ คอ ผม
การประเมินหลังการเรียน
ตนเอง วันนี้เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย
ตั้งใจฟังอาจารย์สอนและที่อาจารย์อธิบายรายละเอียดต่างๆ
มีการแสดงความคิดเห็นร่วมกับอาจารย์
เพื่อน
วันนี้เพื่อนๆเข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย
ตั้งใจฟังอาจารย์และแสดงความคิดเห็นต่างๆภายในชั้นเรียน
อาจารย์
วันนี้อาจารย์เข้าสอนช้ากว่าเวลาเรียนนิดหน่อย
และมีการปล่อยนักศึกษาช้ากว่าครึ่งชั่วโมง อาจารย์ให้คำแนะนำการทำผลงานอย่างชัดเจน
คอยเดินดูเด็กขณะที่เด็กกำลังนั่งทำงาน ให้อิสระในการคิดของเด็กอย่างสร้างสรรค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น